Buzz Osborne ฟรอนต์แมนรุ่นใหญ่แห่งวงเอกซ์เพอร์ริเมนทอลร็อก Melvins ได้ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ Kurt Cobain ถูกตำรวจจับกุมตัวเข้าคุกหลังพ่นสีบนกำแพง
โดย Osborne และร็อกสตาร์ผู้ล่วงลับแห่ง Nirvana เป็นเพื่อนสนิทกันในช่วงวัยรุ่นขณะอาศัยอยู่ในเมืองอเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน ซึ่งในช่วงเวลานั้น มีเหตุการณ์ที่น่าจดจำเป็นพิเศษที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน จนกระทั่ง Melvins ได้นำมาบอกเล่าเป็นครั้งแรกระหว่างการไลฟ์สตรีมของเขาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะพูดคุยกับแฟนๆ ที่กำลังรับชม ‘Divine Monkeyshines: Valentine’s Day Special’ ของ Melvins ซึ่งออกอากาศเพื่อโปรโมตอัลบั้มใหม่ของวง ‘Working With God’ ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 กุมภาพันธ์) Osborne เล่าว่าตน Cobain และอดีตมือกลองของวงอย่าง Matt Dillard เคยตระเวนพ่นสีบนกำแพงทั่วเมือง
“คุณพยายามนึกถึงบางสิ่งที่จะทำให้พวกคนที่นั่นปรี๊ดแตก” Osborne อธิบายถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำดังกล่าว พร้อมเสริมอีกว่าอักษรพ่นที่เขาชื่นชอบคือคำว่า “God is gay” ซึ่งเป็นวลีที่ถูกนำมาใช้ในเพลง “Stay Away” ของ Nirvana ในภายหลัง
“เราเดินไปแถวๆ หัวมุมของธนาคารแห่งนี้ ทันใดนั้น ก็มีตำรวจหลายนายเต็มไปหมด” Osborne เล่าต่อเกี่ยวกับคืนที่ Cobain ถูกจับกุมตัว “และเราก็วิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง” แม้ว่าเพื่อนร่วมวง Melvins ทั้งสองจะหลีกเลี่ยงการจับกุมได้ แต่ Cobain กลับไม่ได้โชคดีเหมือนพวกเขา “ทันใดนั้นเราก็ได้ยินเสียง [เบรกรถ] อยู่ตรงหัวมุมถนน พวกเขาจับตัว Cobain โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แบบว่า เขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วเขาก็สูบบุหรี่ยัดไส้กัญชา”
Cobain ต้องนอนในคุกเป็นเวลาหนึ่งคืนหลังจากถูกจับกุม โดยมีรายงานของตำรวจเปิดเผยว่าเขาถูกจับกุมในข้อหาพ่นสีคำว่า “ain’t got no how whatchamacallit” บนอาคาร “เขาเป็นศิลปินที่เก่งเอาเรื่องเลยนะ ดังนั้นถ้าเขาพ่นสีภาพวาด มันจะต้องออกมาดีมากๆ แน่นอน” Osborne ยกย่องทักษะทางศิลปะของ Cobain “แต่โดยปกติแล้วมันเป็นอารมณ์ขันที่มืดมนมาก และไม่ใช่เรื่องการเมืองเลย”
ที่มา NME