วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา สำหรับ ‘The Blue Hour’ สตูดิโออัลบั้มลำดับที่แปดของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกรุ่นใหญ่ Suede และชุดสุดท้ายในไตรภาคอัลบั้ม หลังสมาชิกของวงกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในปี 2010 และเปิดไตรภาคอัลบั้มด้วย ‘Bloodsports’ เมื่อปี 2013 ต่อด้วย ‘Night Thoughts’ เมื่อปี 2016 โดยสามารถเปิดตัวบนชาร์ต UK Album ได้ที่อันดับ 2 ด้วยยอดขายครึ่งสัปดาห์แรกเพียง 1,000 ก็อปปี้เท่านั้น เป็นรองจาก ‘Chris’ ของ Christine & The Queens แต่อัลบั้ม ‘The Blue Hour’ ก็ได้รับกระแสชื่นชมจากนักวิจารณ์ชั้นนำในทางบวกเป็นส่วนใหญ่ ว่าอัลบั้มสามารถถ่ายทอดบรรยากาศความเป็นภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม
โดย Brett Anderson นักร้องนำ เผยกับสื่อ NME ว่า “ผมคิดไว้เสมอเลยว่าอะไรทำอัลบั้มออกมาเป็นคอลเลคชั่นสามชุด ผมชอบไอเดียของมันมากๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าแต่ละอัลบั้มมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับอัลบั้มชุดก่อน และดูเป็นการเดินทางสำหรับผมมากๆเลยครับ”
“สำหรับ ‘Bloodsports’ ไม่ใช่สิ่งที่ผมเรียกว่า ‘อัลบั้มอนุรักษนิยม’ เลยครับ แต่มันก็ไม่ได้มีความเสี่ยงขนาดนั้น ผมรู้สึกภูมิใจกับบางเพลงที่ได้ทำในอัลบั้มชุดนี้มากๆ มันยังมีความเป็น Suede อยู่เยอะ มันเกือบจะเหมือนแก่นแท้ของ Suede เลยด้วยซ้ำ ส่วน ‘Night Thoughts’ นั้น เราเลือกที่จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาจากคราวก่อนเยอะพอสมควรเลย”
Anderson เล่าต่อว่า “มันรู้สึกเหมือนกับว่าอัลบั้มชุดต่อไปนั้น เราควรจะถอยหลังกลับมาซักนิดหน่อย ไม่ได้หมายความว่ามันจะเพลย์เซฟมากขึ้นนะ เพียงแค่ไม่ออกนอกสนามไปไกลมากนัก นั่นคือสิ่งที่เราได้พูดถึงมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง เกี่ยวกับลักษณธของอัลบั้มชุดต่อไปน่ะ แต่อัลบั้มทั้งสามชุดนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นคอลเลคชั่น และอัลบั้มชุดไปต่อก็จะรู้สึกราวกับว่ามันจะแยกออกจากกัน”
นอกจากนี้ Suede ยังพูดถึงสิ่งที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของอัลบั้มที่กระแสตอบรับแตกออกเป็นสองฝั่งอย่าง ‘A New Morning’ เมื่อปี 2002 ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายก่อนที่วงจะแยกทางกันในที่สุด
“ผมรู้สึกว่าคุณต้องมาร์กในจุดสิ่งที่คุณเคยผิดพลาดในอดีตไว้ครับ” Anderson ยอมรับ “มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่เราจะเคยทำผิดพลาดไป คนเรารู้สึกกลัวที่จะทำผิดกันเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเครื่องหมายของความล้มเหลว แต่บางครั้งความล้มเหลวนั้น อาจจะสอนให้เราหูตาสว่างได้”
“ผมได้มองย้อนกลับไปว่าเราเคยผิดพลาดตรงไหนมาก่อน และ ‘New Morning’ ก็ไม่ได้เป็นเป็นอัลบั้มที่ดีซักเท่าไหร่ หนึ่งในเหตุผลที่เรากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และคว้าโอกาสนี้ไว้ ก็เพื่อที่จะบอกทุกคนว่า ‘เราไม่ใช่วงดนตรีแบบนั้นจริงๆนะ แต่เราเป็นวงดนตรีแบบนี้ต่างหาก”
“ชีวิตก็อย่างนี้แหละครับ มันจะนิยามตัวคุณในท้ายที่สุดอยู่ดี”
ชมคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็ม
ที่มา NME
เรียบเรียงโดย RockOnRadio Team