จากเพลงป็อบจำนวน 700 เพลงที่บันทึกระหว่างปี 1958 - 1991

“Ob-La-Di, Ob-La-Da” เพลงดังเมื่อปี 1968 ของวงระดับตำนาน The Beatles ได้รับการประกาศให้เป็นเพลงป็อบที่สมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีการแต่งมา โดยนักวิจัยจากสถาบัน Max Planck ในประเทศเยอรมนี
 

ผลวิจัยดังกล่าว มาจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์คอร์ดจำนวน 80,000 รายการที่แตกต่างกันจากเพลงป็อบจำนวน 700 เพลงที่บันทึกระหว่างปี 1958 - 1991 และใช้เครื่องวัดเพื่อให้คะแนนกับคอร์ดแต่ละรายการ โดยพิจารณาจากความรู้สึก “น่าประหลาดใจ” เมื่อเปรียบเทียบกับคอร์ดก่อนหน้า ต่อมา คอร์ดจาก 30 เพลงจะถูกเปิดให้กับอาสาสมัครจำนวน 39 คนฟัง โดยถอดทั้งเนื้อเพลงและทำนองออก เพื่อทำให้ไม่สามารถจดจำได้ว่าเป็นเพลงใด ก่อนที่อาสาสมัครจะทำการลงคะแนนให้กับคอร์ดเหล่านี้ ว่ามีสนุกอยู่ในระดับไหน

การวิจัยพบว่า เมื่ออาสาสมัครค่อนข้างมั่นใจกับคอร์ดต่อไป พวกเขากลับสนุกกับความรู้สึก “น่าประหลาดใจ” แทน และการวิจัยยังบอกอีกว่า ความไม่แน่ใจว่าเพลงจะคืบหน้าไปอย่างไร จะทำให้เกิดกิจกรรมในสมองที่เชื่อมโยงกับความสุขทางดนตรีอีกด้วย
 

จากรายงานของ The Times นักศึกษาปริญญาเอกของสถาบันนาม Vincent Cheung กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าทึ่งที่มนุษย์ได้รับความสุขจากการฟังเพลงเพียงแค่เรียงตามลำดับเสียงเมื่อเวลาผ่านไป เพลงที่เราพบว่ามีความสมดุลที่ดีคือเพลงที่เรารู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป และทำให้เราประหลาดใจกับสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวัง”

“‘Ob-La-Di, Ob-La-Da’ เป็นเพลงที่ใกล้เคียงที่สุดที่นักวิจัยสามารถค้นหา “ความสมบูรณ์แบบ” ตามมาด้วย ‘Invisible Touch’ ของ Genesis และ ‘Hooked on a Feeling’ ของ BJ Thomas”
 

นอกจากนี้ เพลง “I Want You Back” ของ The Jackson 5, “There She Goes” ของ The La, ‘When It’s Love” ของ Van Halen และ “Red Red Wine” ก็ได้รับคะแนนในระดับที่สูงเช่นกัน

แม้นักวิทยาศาสตร์จะเห็นตรงกันว่า “Ob-La-Di, Ob-La-Da” ของ The Beatles คือเพลงป็อบที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่หนึ่งในอดีตสมาชิกผู้ล่วงลับของวงอย่าง John Lennon กลับเคยดูถูกผลงานการแต่งเพลงนี้ของ Paul McCartney โดยกล่าวว่าเป็น “เพลงห่วยๆสำหรับคุณยาย”



ที่มา NME
เรียบเรียงโดย RockOnRadio Team